“อาชีวะดินแดนสนธยา กล้าปิดช้างตายทั้งตัว”
สำนวนคำโบราณแต่นานมากล่าวว่า “ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด” หมายถึง ความชั่วหรือความผิดร้ายแรงที่คนรู้ทั่วกันแล้ว จะปิดอย่างไรก็ไม่มิด เปรียบเสมือนช้างตัวใหญ่ที่ตายแล้ว จะใช้ใบบัวเพียงใบเดียวมาปิดก็ไม่สามารถปกปิดได้ อาจจะแค่พอพลางตาไปได้บ้าง แต่ปิดกลิ่นเหม็นไม่ได้ แน่นอน จากกรณีที่ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล้าหาญออกมาให้ข่าวต่อสื่อมวลชนสำนักหนึ่ง เมื่อวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ในเรื่องของชี้แจงการสอบ ผอ.อาชีวะ 33 ตำแหน่ง ที่ฉาวโฉ่เหม็นคาวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ตนยืนยันว่าดำเนินการได้ดีมีคุณภาพมาตรฐานโปร่งใสดีแล้ว สำหรับในส่วนเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้ที่สอบได้รายหนึ่งกับผู้ใหญ่ระดับสูงนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว นั้นเป็นสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นได้เพื่อจุดประสงค์อะไร หรือจะเอาอกเอาใจผู้ใหญ่หรือตนเองมีส่วนร่วมในการเข้าไปเกี่ยวข้องครั้งนี้ จึงออกมายืนยันไปเช่นนั้น เพื่อเบี่ยงเบน กลบเกลื่อน ปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่าง ที่ไม่อยากให้สังคมรับรู้ เพราะเรื่องนี้ยังมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นของหลายหน่วยทั้งกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร และ ป.ป.ช. สื่อมวลชน และล่าสุดเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (ค.ร.อ.ท.) ได้ยื่นเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่

ให้ตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลถึงการสอบครั้งนี้ว่าเหตุใดบุคคลตามที่กล่าวถึงนี้ เหตุใดผู้เข้าสอบรายนี้สามารถชนะรองผอ.ที่มีประสบการณ์สูงได้ทั้งประเทศ เหตุใดอาชีวะจึงหยิบเกณฑ์เก่าที่ ก.ค.ศ.ยกเลิกไม่ใช้แล้วมาใช้อีก ยังมีประเด็นเรื่องคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถและมาตรฐานการให้คะแนนของกรรมการ ข่าวว่ามีการช่วยเหลือกันอย่างเป็นขบวนการหรือไม่ การจัดสอบเอื้อประโยชน์ให้กับใครบางคนหรือไม่ และยังมีคำถามข้อพิรุธ สงสัยอีกหลายข้อที่ผู้บริหารระดับสูงอาชีวะไม่ได้พูด แต่สังคมเขาพอจะรับรู้ และเรื่องนี้ผู้บริหารคนนี้เป็นคนดำเนินการมากับมือย่อมรู้ดีกว่าคนอื่น แต่
ก็ต้องเรียกร้องให้ผู้นำสูงสุดของหน่วยงานคือเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ คนที่ถูกพาดพิงกล่าวถึงในเรื่องนี้ออกมารับผิดชอบชี้แจงต่อสังคมให้ชัดเจนมากกว่านี้ เอาแบบลูกผู้ชาย ที่เรียกว่า กล้าทำต้องกล้ารับ อย่าเป็นอีแอบอยู่ในที่มืด สังคมเขารับรู้กันไปทั่วแล้ว เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อต่อภาพลักษณ์ทั้งของกระทรวงศึกษาธิการ ภาพลักษณ์การศึกษา ภาพลักษณ์ของผู้บริหารระดับสูง เป็นการบั่นทอนความโปร่งใส คุณธรรมจริยธรรม ทั้งขององค์กรและผู้บริหารระดับสูง กระทบต่อความเชื่อมั่นของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ อนาคนอาจส่งผลต่อดัชนีความโปร่งใส ita ของ ป.ป.ช. ให้ทรุดหนักลงไปอีก
เมื่อวานนี้ เมื่อผู้บริหารระดับสูงของอาชีวะคนดังกล่าวให้สัมภาษณ์สื่อ สังคมคงจะตั้งคำถามกลับทันทีว่าการที่คนมีเมียอยู่แล้วและคบสัมพันธ์ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเมียลับ ถ้าเมียลับไม่มีสามี ต้องถามว่าเมียหลวงที่มีทะเบียนยินดีและยินดีและยินยอมหรือไม่ ถ้าไม่ ถือว่าและพฤติมิชอบ ขัดต่อหลักความซื่อสัตย์และศีลธรรมอันดี ไม่เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีหรือไม่ และการมีเมียน้อยเป็นลูกน้องแล้ว ใช้อิทธิพลในตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือ เอื้ออำนวยเป็นพิเศษเรียกว่าการขัดกันของผลประโยชน์ แยกแยะประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมออกจากกันไม่ได้ ใช่หรือไม่ ตามกฎหมายในหมวด 6 ของ พรป.ป.ป.ช. ปี 2561 การขัดกันระหว่างส่วนตนและส่วนรวม ซึ่งพิสูจน์ความสัมพันธ์ได้ สามารถร้องเรียนให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบได้ หมวดนี้ อยู่ใน พรป.ป.ป.ช.เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวได้ติดตามข้อมูลที่ไปทางอาชีวะส่งผู้แทนไปชี้แจงกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร มีทั้งส่วนกลาง และผอ.ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ไปชี้แจงกรรมาธิการหลายครั้ง ยังฟังไม่ขึ้น เหมือนแถไปแบบน้ำขุ่นๆ แถมล่าสุดได้ข่าวแว่วๆว่าผู้บริหารระดับสูงใช้อำนาจบาตรใหญ่ เรียกกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปข่มขู่ถึงในห้องเลขาอาชีวะในเรื่องการให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร งานนี้หวังว่าศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม จะกล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่รอติดตามตอนต่อไป